วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ห่วง'รถคันแรก'เลิกกัดฟันผ่อนหลังคืนภาษี

ห่วง'รถคันแรก'เลิกกัดฟันผ่อนหลังคืนภาษี

สมาคมเช่าซื้อชี้ประเด็นน่าห่วง 'รถคันแรก' หลังรับเงินภาษี 1 แสนบาท คืนอาจผ่อนต่อไม่ไหว แนะต้องเจรจาปรับโครงสร้างหนี้


               นายฉลอง นิ่มเนียม หัวหน้าส่วนคดี กรมสรรพสามิต กล่าวในการสัมมนา "โครงการรถยนต์คันแรกกับการผิดสัญญาเช่าซื้อ" จัดโดยศาลแพ่ง ว่า กรมสรรพสามิตได้จ่ายเงินภาษีในโครงการรถคันแรกคืนให้ผู้ใช้สิทธิไปแล้วกว่า 2.5 แสนราย เป็นเงินประมาณ 17,000 ล้านบาท และกำลังตรวจสอบข้อมูลการรับรถถึงวันที่ 31 พฤษภาคม เพื่อจ่ายเงินคืนอีก 3,000 ล้านบาท คาดว่าถึงสิ้นปีงบประมาณ 2556 ต้องจ่ายเงินคืนอีก 50,000 ล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2557 มียอดที่ต้องพิจารณา 6 แสนราย ซึ่งโครงการนี้มีผู้ยื่นขอใช้สิทธิ์ 1.25 ล้านราย กรมต้องจ่ายเงินคืน 91,800 ล้านบาท เท่ากับปัจจุบันจ่ายคืนไปแล้วประมาณ 20%

               นายอนุชาติ ดีประเสริฐ ประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับโครงการรถคันแรกคือ ในอนาคตหลังจากได้รับเงินภาษีคืนแล้ว 1 แสนบาท ในอนาคตความสามารถในการผ่อนชำระจะเป็นอย่างไร เพราะผู้ซื้อบางรายอาจไม่ได้ดูกำลังซื้อหรือใช้ชื่อผู้อื่นมาใช้สิทธิ์แทน ซึ่งสมาคมต้องติดตามดูว่าอีก 5 ปี จะมีกำลังชำระค่างวดหรือไม่ หากไม่ไหวก็ควรเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงิน เพราะหากถูกยึดต้องรับภาระทั้งการคืนภาษี และชำระค่างวดรถเต็มจำนวนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เท่าที่ตรวจสอบขณะสมาชิกสมาคมไม่พบว่ามีปัญหา เพราะยังเป็นช่วงการดำเนินการของกรมสรรพสามิตที่จะตรวจสอบเรื่องการถือครอง

               "สถาบันการเงินก็ต้องตรวจสอบเหมือนกันว่าคนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ ทำให้ความรับผิดชอบการชำระหนี้น้อยลง" นายอนุชาติกล่าวและว่า ผู้ซื้อกว่า 1.2 ล้านราย ซื้อผ่านไฟแนนซ์ 80% หรือประมาณ 9 แสนคัน หากยกเลิกไปบ้างอาจจะเหลือ 7 แสนราย

               ด้าน นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด กล่าวว่า ปี 2555 มีผู้ขอสินเชื่อใหม่รวม 14 ล้านรายการ ส่วนหนึ่งมาจากโครงการรถคันแรกด้วย ส่วน 4 เดือนแรกปีนี้ มียอดประมาณ 8 ล้านรายการ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีผู้วิ่งเข้าหาสินเชื่อมากขึ้น หลังจากเดือนมิถุนายน จะเฝ้าติดตามเรื่องรายได้รายจ่ายของบุคคล โดยกลุ่มที่สำนักวิจัยมองว่าเสี่ยงสูงในการมีบัญชีหนี้ คือ ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท หรือ ทั้งครอบครัวมีรายได้ไม่เกิน 25,000 บา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น