วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มาสด้าชี้พ.ค.รถคันแรกใช้70%

มาสด้าชี้พ.ค.รถคันแรกใช้70%

มาสด้าเปิดตัวเลขขาย พ.ค. กลุ่มโครงการรถคันแรกใช้สิทธิกว่า 70% ด้านฟอร์ดเลิกหวังส่งมอบหันอัดโปรฯ ระบายเอง
นายอุทัย เรืองศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ผู้แทนจำหน่ายรถมาสด้า เปิดเผยว่า ล่าสุดจากการปิดยอดจำหน่ายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีการรับรถของลูกค้าผู้ขอใช้สิทธิโครงการรถคันแรกแล้วกว่า 70% จะมีการ|ส่งมอบให้ลูกค้าในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า 10% อยู่ระหว่างติดต่อลูกค้าเพื่อยืนยันเวลาในการรับรถ 20% เนื่องจากรัฐบาลเปิดโอกาสให้ประชาชนขอใช้สิทธิได้โดยไม่กำหนดเวลา ลูกค้าจึงอยู่ระหว่างรอความพร้อมที่จะรับรถในประเด็นต่างๆ อาทิ ช่วงเวลาที่เหมาะสม การเงิน
ทั้งนี้ ปกติของธุรกิจรถยนต์ การยกเลิกการรับรถจะมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 10-20% โดยมีปัจจัยหลักมาจากเรื่องข้อจำกัดด้านการเงินของลูกค้า
นายอดิศัย สิริสิงห ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 คาดว่าสถานการณ์|การแข่งขันน่าจะมีความรุนแรง ทางด้านโปรโมชันจะรุนแรงไปตลอดจนถึงสิ้นปี หากสถานการณ์การจำหน่ายต่อเดือนสำหรับภาพรวมตลาดไม่ดีขึ้น การแข่งขันของบริษัท|ผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ จะมีความรุนแรงขึ้นกว่าปัจจุบันอีก
“ยอดจำหน่ายภาพรวมตลาดในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะทรงตัวอยู่เดือนละ 1 แสนคัน หรือน้อยกว่า ไปจนกระทั่งสิ้นปี” นายอดิศัย กล่าว
ขณะที่ยอดจองรถยนต์ของบริษัทในโครงการรถคันแรกกว่า 2 หมื่นคัน ส่วนใหญ่มาจากรุ่นฟอร์ด เฟียสต้า บริษัทเลิกคาดหวังส่งมอบรถยนต์จากโครงการดังกล่าวไปแล้ว เพราะรายงานจากตัวแทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) แจ้งว่า กลุ่มลูกค้าเลื่อนการรับมอบรถยนต์ไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเวลาจะรับมอบของลูกค้าอยู่ในช่วงใด
อย่างไรก็ตาม แม้สภาพตลาดผันผวนแต่บริษัทยังเดินหน้าตามแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ปีนี้ 2 รุ่น คือ เอคโค่ สปอร์ต และฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ ตามที่วางไว้
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ยอดการยกเลิกการรับรถยนต์ของบริษัท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากในรุ่นซูซูกิ สวิฟท์ ที่ได้รับความนิยมในช่วงโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก 1 แสนบาทของรัฐบาลที่ผ่านมา มีจำนวนอยู่ในระดับ 10-15% ล่าสุดยอดค้างส่งมอบรถยนต์ (แบ็ก ออร์เดอร์) ในรุ่นดังกล่าวอยู่ที่ 1.5-1.7 หมื่นคัน ซึ่งบริษัทได้ทยอยส่งมอบโดยตลอด
“สำหรับยอดยกเลิกของบริษัทมีจำนวนไม่มาก ซึ่งมาจากปัจจัยความไม่พร้อมทางด้านการเงินของลูกค้าในจำนวนดังกล่าว แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าเข้าใจถึงระยะเวลาการส่งมอบที่มีการแจ้งเบื้องต้นอยู่แล้ว” นายวัลลภ กล่าว

สินเชื่อบัวหลวงพูนผลเพื่อซื้อรถยนต์คันแรก

ผ่อนรถยนต์คันแรกสบายๆ แบบลดต้นลดดอก กับสินเชื่อบัวหลวงพูนผลที่ให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ชำระมากกว่าเงื่อนไขไม่มีค่าปรับ

สำหรับท่านที่ใช้สิทธิ์ซื้อรถยนต์คันแรก ตามนโยบายของรัฐ เมื่อปี 2555 ในนามของตนเอง คู่สมรส หรือบุตร ขอสินเชื่อได้ในวงเงินสูงสุดเท่ากับราคารถยนต์ที่ซื้อ โดยใช้ที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน
  • มอบวงเงินกู้สูงสุดเท่ากับราคาซื้อขายรถยนต์ (สูงสุดไม่เกิน 6 ล้านบาท)
  • อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง MLR-1% ตลอดอายุสัญญา
  • ใช้ที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน
  • สามารถใช้สิทธิ์จองซื้อรถยนต์ได้ทั้งในนามของตนเอง คู่สมรส และบุตร
  • ประหยัดด้วยอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ผ่อนชำระมากกว่าเงื่อนไข ไม่มีค่าปรับ เสียดอกเบี้ยตามภาระหนี้คงเหลือ
  • ระยะเวลากู้นานสูงสุดถึง 7 ปี หรือ 84 เดือน (รวมอายุผู้กู้ไม่เกิน 60 ปี)
  • ขอสินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อชำระค่าเบี้ยประกันภัย และค่าพรบ.ได้ (ในกรณีที่ทำประกันภัยกับบริษัท กรุงเทพประกันภัยผ่านธนาคาร)

สิทธิพิเศษ
  • ส่วนลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สำหรับปีแรก ในกรณีทำประกันคุ้มครองเครดิตโฮมเฟิส์ตเต็มวงเงินกู้และระยะเวลาเท่ากับระยะเวลาในสัญญากู้
  • กรณีที่เป็นลูกค้าสินเชื่อบัวหลวงเดิม สามารถใช้หลักประกันร่วมกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีอยู่เดิมได้
    ไม่ต้องประเมินราคา และไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมจดจำนองเพิ่ม หากวงเงินสินเชื่อที่ขอครั้งนี้ รวมภาระหนี้ที่มีไม่เกินมูลจำนองเดิม

รถคันแรกส่งมอบหมด ต.ค.นี้ หลังเร่งผลิต-เลิกใบจองพุ่ง

ผู้ผลิตรถคาดส่งมอบรถคันแรกหมด ต.ค.นี้ หลังเร่งผลิตประกอบกับลูกค้าเลิกใบจอง เลื่อนรับรถที่มีแนวโน้มจะยกเลิกสูง เตรียมปรับแผนการผลิตครึ่งปีหลังเน้นส่งออกแทน
       
       นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ค่ายรถได้ทยอยส่งมอบรถในโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาล โดยรถที่จะส่งมอบสิ้นปีจะทยอยส่งหมดในเดือน มิ.ย.นี้ ส่วนบางรุ่นที่จะส่งมอบต้นปี 57จะส่งได้หมดในเดือน ต.ค.เนื่องจากได้มีการเร่งผลิตช่วงต้นปีประกอบกับบางรายยกเลิกใบจองหรือเลื่อนการรับรถจนมีแนวโน้มที่จะยกเลิกเช่นกัน
       
       “ขณะเดียวกันมีลูกค้าหลายรายมีการยกเลิกรถยนต์ โดยบางค่ายส่งข้อมูลมาให้ ส.อ.ท. แล้วพบว่ามีการยกเลิก 12% และอีก 20% เลื่อนการรับรถยนต์”
       
       ทั้งนี้ ผลดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตเตรียมปรับแผนการผลิตรถยนต์ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 56 โดยเพิ่มสัดส่วนการผลิตเพื่อส่งออกมากขึ้นจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนเพียง 40% และผลิตขายในประเทศ 60% เนื่องจากผู้ประกอบการทยอยส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าในโครงการรถยนต์คันแรกเกือบหมดแล้วจากเดิมที่คาดว่าจะหมดในช่วงต้นปี 57
       
       ขณะเดียวกันยังพบว่าทิศทางค่าเงินบาทของไทยเริ่มกลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ดีต่อการส่งออกไทยอย่างมากต่างจากในช่วงต้นปี รวมถึงตลาดส่งออกในหลายประเทศขยายตัวในทิศทางที่ดีต่อเนื่อง เช่น ตลาดยุโรป, เอเชีย, ออสเตรเลีย, ตะวันออก เป็นต้น
       
       สำหรับยอดการผลิตรถยนต์ในเดือน พ.ค.อยู่ที่ 231,070 คัน เพิ่ม 11.09% และเมื่อรวม 5 เดือนยอดผลิตรวมอยู่ที่ 1.12 ล้านคัน เพิ่ม 31.73% โดยได้รับอานิสงส์จากนโยบายรถยนต์คันแรกและตลาดส่งออกที่ขยายตัวในระดับดี ส่วนใหญ่เป็นการผลิตรถกระบะ 1 ตัน จำนวน 604,859 คัน เพิ่ม 7.85% และรถยนต์นั่ง 495,672 คัน เพิ่ม 80.58% ดังนั้น ทั้งปีคาดว่าสามารถผลิตรถยนต์ได้ตามเป้าที่กำหนดไว้ 2.55 ล้านคัน แต่จะถึง 2.8 ล้านคันตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งไว้นั้นคงต้องรอให้ทุกค่ายรถยนต์ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการยกเลิกใบจองในโครงการรถยนต์คันแรกว่าอยู่ในระดับใด หากไม่มากก็อาจจะมีโอกาสเหมือนกัน

"รถคันแรกเอฟเฟ็กต์" เกินคาด...! ดีมานด์เทียมโผล่-กำลังซื้อฝืด

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ

เดือนมิถุนายนเข้าสู่โหมดกลางปี 2556 แล้ว เวลาไม่คอยใครจริง ๆ สิ่งที่หนักอกชาวบ้านในเวลานี้คงไม่พ้นปัญหาค่าครองชีพที่พุ่งแซงค่าแรง 300 บาทไปแล้ว แม้แต่ราคาไข่ไก่ก็แพงหูฉี่ ในบางพื้นที่ไต่ระดับขึ้นไปเกือบจะทะลุฟองละ 5 บาทแล้ว 

ผู้ที่เกี่ยวข้องบางคนออกมาแจกแจงเหตุผลว่า ไข่แพง เพราะสภาพอากาศร้อน แม่ไก่ออกไข่ได้น้อยลง ทำให้ซัพพลายไข่ไก่ในตลาดหายไป และยังเป็นช่วงเปิดเทอมพอดี เด็ก ๆ หันมาบริโภคไข่กันมากขึ้น 

ฟังดูก็เหมือนมีเหตุมีผล แต่ตอนนี้ในระดับเสนาบดีผู้กุมชะตาประเทศก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า มีการเก็บสต๊อกไข่อยู่ในห้องเย็นมากน้อยเท่าไหร่ 

ในจังหวะขาขึ้นเช่นนี้ ถ้าใครปล่อยไข่ออกสู่ตลาดได้ก็จะโกยรายได้ไปเต็ม ๆ ข้าวไข่เจียว เมนูของคนมีรายได้น้อยขยับชั้นขึ้นเป็นเมนูผู้มีตังค์ไปแล้ว 

อีกเรื่องที่เป็นวาระร้อน "รถคันแรกเอฟเฟ็กต์" เมื่อปีที่แล้วผู้ผลิตรถยนต์และผู้บริโภคต่างดีอกดีใจกับนโยบายประชานิยมการลดภาษีรถคันแรก 

แท้ที่จริงแล้วในช่วงเวลานั้น ตลาดรถยนต์เมืองไทยก็อยู่ในช่วงขาขึ้นมาก ๆ อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้นโยบายรถคันแรกนี้มา

กระตุ้นตลาดก็ได้ เพราะทำให้กลไกตลาดบิดเบือน เนื่องจากไปดึงแรงซื้อหรือดีมานด์ในอนาคตมารวมกันไว้ภายในปีเดียว 

ในแง่นโยบายถือว่าบรรลุผลสำเร็จเกินเป้า เพราะหลังปิดโครงการรถคันแรกสิ้นปี 2555 กรมสรรพสามิตสรุปยอดขอคืนภาษีทะลุ 1,254,854 ล้านคัน ต้องเตรียมจ่ายเงินคืนประชาชนกว่า 9 หมื่นล้านบาท

แต่วันนี้ นาทีนี้ สถานการณ์พลิกกลับทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งพอจะประมวลสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นให้เห็น ดังนี้ 

1.การจราจรอัมพาต ตอนนี้เกิดปัญหารถติดอย่างหนัก ผลพวงจากยอดจองรถคันแรกถล่มทลายกว่า 1 ล้านคัน ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งขณะนี้ปริมาณรถใหม่ป้ายแดงทะลักออกมาแล้ว แต่พื้นผิวถนนมีอยู่เท่าเดิม ด้วยเหตุนี้รถจะไม่ติดได้อย่างไร 

นอกจากการจราจรอัมพาตในกรุงเทพฯแล้ว ในหัวเมืองใหญ่ก็กำลังเผชิญชะตากรรมนี้เช่นกัน เพราะในต่างจังหวัดก็แห่ใช้สิทธิ์ซื้อรถคันแรกจังหวัดละหลายหมื่นคัน ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ โคราช ขอนแก่น อุดรธานี สงขลา ภูเก็ต ชลบุรี ระยอง เมืองพัทยา เป็นต้น 

รถติดกลายเป็นปัญหาใหญ่ ผู้คนเสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน และเสียสุขภาพจิต เผาผลาญน้ำมันวันละหลายชั่วโมง เงินในกระเป๋าถูกสูบไปโดยไม่ก่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ต้นทุนค่าเดินทางสูงมาก อีกทั้งยังเกิดอุบัติเหตุถี่ขึ้นทุกวัน มือใหม่หัดขับเต็มไปหมด ชีวิตของผู้คนเสี่ยงสุด ๆ บนท้องถนน

2.ผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ ทั้งรถใหม่และรถมือสอง ตอนนี้ยอดขายรถใหม่ก็เริ่มแผ่วตามคาดการณ์ของค่ายรถ แต่ปรากฏการณ์ที่น่าห่วงก็คือขณะนี้มีลูกค้าแห่ทิ้งใบจองหรือเลิกใช้สิทธิ์จากทั่วประเทศไปแล้วกว่า 4 พันคัน 

แม้ว่าผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จะออกมาระบุว่า การทิ้งใบจองรถยนต์ และการเลื่อนรับรถคันแรก หากอยู่ในสัดส่วน 10-20% จะไม่ส่งผลกระทบมากนัก 

แต่ที่แน่ ๆ ดีมานด์เทียมโผล่เป็นทิวแถวแล้ว 

ตอนนี้ดีลเลอร์หลายรายกำลังกุมขมับ ก่อนหน้านี้เจอปัญหาด้านซัพพลายส่งมอบรถให้ลูกค้าไม่ทัน แต่วันนี้ต้องมาแบกสต๊อกรถทิ้งดาวน์ ทิ้งใบจอง เลื่อนรับรถออกไป ต้องควักกระเป๋าอัดโปรโมชั่นแรง ๆ เรียกลูกค้า เพื่อเร่งระบายสต๊อกที่เป็นต้นทุนจมจำนวนมหาศาล

ส่วนตลาดรถมือสองก็แจ็กพอตไปด้วย ทำให้ราคาตก 5-10% เพราะคนเห่อไปใช้รถใหม่กันหมด ในฟากธุรกิจลีสซิ่งก็หืดจับไม่แพ้กัน คนเริ่มมีปัญหาส่งงวดรถ 

แม้แต่ดีลเลอร์รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ในภาคใต้ ใจก็ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ รอลุ้นว่าราคายางพารา ปาล์มน้ำมันจะดีดตัวสูงขึ้นในเร็ววัน เพราะตอนนี้กลุ่มลูกค้าเกษตรกรหายไปเยอะ เซลส์รถยนต์ต้องหันไปจับตลาดข้าราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีเงินเดือนประจำแทนเศรษฐีสวนยางที่เคยอู้ฟู่เมื่อ 2 ปีก่อน

3.ผลสะเทือนต่อกำลังซื้อ เพราะการซื้อรถคันแรกได้ "ดูดกำลังซื้อ" ไปหมด นักธุรกิจในหัวเมืองให้ข้อมูลตรงกันว่า ช่วงนี้บรรยากาศการจับจ่ายในต่างจังหวัดเริ่มเงียบเหงา เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน 

สาเหตุหลัก ๆ มาจากรถคันแรกเอฟเฟ็กต์ เพราะแทบทุกครัวเรือนต้องแบ่งเงินก้อนใหญ่เอาไว้ผ่อนรถทุกเดือน จึงทำให้เงินสดในมือเหลือน้อยลง กำลังซื้อหดหาย ต้องรัดเข็มขัด และเลือกที่จะจับจ่ายเฉพาะสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันเท่านั้น 

เรียกได้ว่า สะเทือนกันไปทั้งระบบ...! 

10 อันดับรถยนต์ที่คนฮิตจอง ในโครงการรถคันแรก



เข้า สู่ช่วงโค้งสุดท้าย แล้วสำหรับนโยบายรถคันแรกที่หลายคนต่างอยากที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นใหม่ หลังรัฐบาลช่วยเหลือในการให้เงินสนับสนุนคืนเงินภาษี โดยล่าสุด หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับ 10 รถยนต์ยอดนิยมที่คนจอง จากโครงการรถคันแรก มากที่สุดมาให้ได้ดูกัน

อันดับ 1 ยังคงอยู่ในใจคนไทยกับรถยนต์ Toyota Vios ที่สามารถครองยอดขายเอาไปได้ด้วย จำนวนที่สูงเกือบเป็น 2 เท่าของรถคันแรกที่เข้ามาในอันดับที่ 2 ด้วยยอดขาย 80,410 คัน ตอกย้ำความเป็นที่สุดของรถยนต์นั่งในตลาดรถยนต์ชั้นนำของในประเทศไทย

อันดับที่ 2 ยกให้ ฮอนด้า ซิตี้ Honda City คันนี้ยังดูดีและเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคน ด้วย ยอดขายกว่า 44,079 คัน ถือว่ามากพอสมควร สำหรับรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการรถคันแรก ถือว่าเป็นรถยนต์ที่ตอบสนองได้ลงตัวทั้งสมรรถนะและการออกแบบ

อันดับที่ 3 ของรถคันแรกยอดฮิต และในอันดับนี้ รถยนต์ Nissan Almera รั้ง เข้ามาเป็นคันแรก ด้วยยอดถึง 35,279 คัน ในโครงการนี้ ถือว่ามากพอสมควร สำหรับรถยนต์ที่เปิดตัวได้เพียง 1 ปีเท่านั้น

อันดับที่ 4 ยกให้ Mazda 2 กับทรวดทรงที่โดนใจ พร้อมข้อเสนอที่โดนใจลูกค้า และออพชั่นที่คุ้มค่าเลยทำให้ Mazda 2 เข้ามาอยู่ในตำแหน่งนี้อย่างไม่ยาก แถมการรับประกันคืนเงินจากโครงการรถคันแรสูงสุด 1 แสนบาท ก็ทำให้ เจ้ารถคันนี้มียอดเข้ามาในโครงการถึง 28,474 คัน

อันดับที่ 5 นิสสัน มาร์ช อีโคคาร์รุ่นแรกยังขายดี ด้วยยอดขายถึง 23,218 คัน ที่เข้าร่วมโครงการรถคันแรก ซึ่งถือว่ายังรักษาสภาพได้ดี แม้จะมาก่อนเพื่อนก็ตาม ซึ่งในอีกไม่นานนี้น่าจะมาปรับในเรื่องของออพชั่นออกมาอีกในช่วงปีหน้า ก็คงต้องจับตากันให้ดี

อันดับที่ 6 Ford Fiesta เบียดแซงคนอื่น มากับการทุ่มทุนสร้างของค่ายรถยนต์ Ford ที่มองถึงความต้องการรถยนต์จากลูกค้า จนปรับรุ่น 1.5 ออกมาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และเพียงแค่นี้มันก็เข้าที่อันนดับที่ 6 กับยอดเข้าโครงการถึง 19,762 คันไปแล้ว

อันดับที่ 7 Honda Jazz รถยนต์แฮทช์แบ็ค จากฮอนด้ารุ่นที่ 2 กลับเข้ามาอีกครั้งในอันดับที่ 7 แม้จะไม่ได้รับความนิยมนักในโครงการรถคันแรก จากยอดที่เข้าร่วมเพียง 19,499 คัน แต่รถยนต์รุ่นนี้ก็ได้รับความนิยมพอตัว แม้จะผ่านการเปลี่ยนโฉม และในอนาคตน่าจะมีความเคลื่อนไหว ในการเปลี่ยนรุ่นในอีกไม่ช้านี้

อันดับที่ 8 มิตซู มิราจ อาจจะเห็นกันมากบนถนน แต่ไม่น่าเป็นรถที่ได้รับความนิยมในโครงการรถคันรกนัก อาจจะด้วยธรรมชาติของค่ายนี้ แต่มิราจ ก็ยังโดนใจด้วยยอดจำนวนรถ 18,698 คัน ที่เข้าตามโครงการรถคันแรก

อันดับที่ 9 โตโยต้า ยาริส อีกแฮทช์แบ็คที่เริ่มอ่อนแรงแต่ก็ยังขายได้พอควร กับรถรุ่นนี้ แม้จะไม่มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ แต่มีกระแสว่ารถอีโค่คาร์จากค่ายโตโยต้า จะเข้ามาเสียบแทนรถรุ่นนี้ ส่วนราคา ตอนนี้มันก็เข้าโครงการรถคันแรกไปถึง 13,084 คัน

อันดับที่ 10 ฮอนด้า บริโอ้ อีโคคาร์ที่มาพร้อมเรือนร่างเล็ก ในขณะที่ตอนก่อนเปิดตัวได้รับความสนใจมาก แต่เมื่อเปิดตัวออกมา กลับไม่เป็นที่นิยมอย่างที่คิด แต่ก็มียอดขายล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม โดยมียอดรถ 11,959 คัน ในโครงการรถคันแรก


ที่มา.
http://variety.thaiza.com

หมด'รถคันแรก'ตลาดวูบ!รอบ17เดือน

หมด'รถคันแรก'ตลาดวูบ!รอบ17เดือน

หมดแรงหนุนรถคันแรก ยอดขายรถยนต์เริ่มแผ่ว เดือนพ.ค.ลดลงครั้งแรกในรอบ 17 เดือน ผู้บริหารค่ายรถมองตลาดเดือนมิ.ย.เห็นสัญญาณชะลอตัวชัดขึ้น เชื่อครึ่งปีหลังแข่งเดือด


                         นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงยอดขายรถยนต์เดือนพฤษภาคม 2556 ว่า มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 111,848 คัน ลดลง 3.5% เป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 17 เดือน เป็นผลจากการที่ลูกค้าที่จองรถยนต์เพื่อใช้สิทธิรถยนต์คันแรกส่วนใหญ่ได้ทยอยรับรถเรียบร้อยแล้ว โดยตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 52,734 คัน ลดลง 5.8% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 59,114 คัน ลดลง 1.4%
                         สำหรับตลาดรถยนต์สะสม 5 เดือน มีปริมาณการขาย 634,777 คัน สูงสุดเป็นสถิติใหม่ของยอดขายสะสม 5 เดือนแรกด้วยอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 31.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 53.4% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 16.3% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการทยอยส่งมอบยอดค้างจองรถยนต์ในโครงการรถยนต์คันแรก ประกอบกับการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด และกิจกรรมส่งเสริมการขายของค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่เริ่มตั้งแต่ในช่วงต้นปี
                         "ตลาดรถยนต์ในเดือนมิถุนายนเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ลูกค้าส่วนใหญ่ที่จองรถยนต์เพื่อใช้สิทธิรถยนต์คันแรกตั้งแต่ปีที่ผ่านมาได้ทยอยรับรถเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าเป็นการที่ตลาดกำลังปรับตัวเข้าสู่สภาวะปกติ หลังจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่แล้ว" นายวุฒิกรกล่าว
                         ด้านนายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็นว่า ภาวะตลาดรถยนต์เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะที่สะท้อนความต้องการของตลาดรวมที่แท้จริง จากการทยอยรับรถของผู้ใช้สิทธิรถคันแรก ซึ่งภาวะการแข่งขันในช่วงเวลาต่อจากนี้ไปจะมีความเข้มข้นขึ้นมากกว่าในครึ่งปีแรก เนื่องจากเหลือระยะเวลาขายอีกไม่นาน ในขณะที่หลายค่ายตั้งเป้ายอดขายไว้สูงจำเป็นต้องเร่งทำยอดให้ได้ตามที่ประกาศไว้
                         สำหรับซูซูกิซึ่งก่อนหน้านี้ได้ชื่อว่ามียอดสั่งซื้อล่วงหน้ามากที่สุดค่ายหนึ่งจากอิทธิพลของรถคันแรก ทำให้ยอดส่งของซูซูกิ ยาวนานกว่า 10 เดือน ปัจจุบันนี้ซูซูกิได้เร่งส่งมอบรถเดือนละกว่า 3,300 คัน และคาดว่ายอดสั่งซื้อล่วงหน้าที่คงค้างจะส่งมอบได้หมดในเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่ยอดสั่งซื้อใหม่หลังเดือนตุลาคมจะเข้าสู่สภาพปกติคือใช้เวลา 1-2 เดือนในการส่งมอบรถ
                         ทั้งนี้ ในปี 2556 คาดว่า ปริมาณความต้องการของรถยนต์ในประเทศจะอยู่ที่ 1.2 ล้านคัน ลดลงจากปีที่แล้วที่มียอด 1,436,335 คัน สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ยอดขายรถยนต์ของไทย ซึ่งความต้องการของตลาดรถยนต์ในประเทศปีก่อนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ เป็นผลจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลกระตุ้นการบริโภคภายในด้วยนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐในโครงการรถยนต์คันแรก และปริมาณความต้องการสะสมอันเป็นผลต่อเนื่อง รวมทั้งมาจากผลกระทบจากน้ำท่วม ในปี 2554 ประกอบกับกำลังการผลิตรถยนต์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดีขึ้น

เปิดหลักเกณฑ์ รถคันแรก คืนภาษีให้ประชาชน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ในที่สุดมหกรรมยานยนต์งานใหญ่ของปี ก็เวียนมาถึงกันอีกแล้ว สำหรับงาน "บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ครั้งที่ 33" หรืองาน มอเตอร์โชว์ 2012 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 8 เมษายน 2555 ซึ่งในปีนี้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่กว่า 30 รุ่น รถจักรยานยนต์อีก 60 รุ่น และรถต้นแบบประหยัดพลังงานอีก 7 คัน แต่ที่ทำเอาฮือฮาไม่น้อย นั่นคือ การเปิดตัวรถยนต์อีโคคาร์อีก 2 รุ่นใหม่ คือ มิตซูบิชิ mirage และ ซูซูกิ swift ที่เข้าข่ายคืนภาษีรถคันแรกของรัฐบาลด้วย

          นอกจากนี้ ค่ายรถยนต์อย่างฟอร์ด ก็ได้ส่ง ฟอร์ด เฟียสต้า ขนาดใหม่ 1.5 ลิตร มาประลองตลาดด้วยเช่นกัน จึงทำให้มีการคาดการณ์กันว่า ยอดจองรถ มอเตอร์โชว์ 2012 น่าจะคึกคักไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะรถในกลุ่มที่เข้าหลักเกณฑ์ คืนภาษีรถคันแรก

เปิดหลักเกณฑ์ รถคันแรก คืนภาษีให้ประชาชน

          อ๊ะ ๆ ... แต่ก่อนที่จะเลือกซื้อรถยนต์ เพื่อรับสิทธิ์คืนภาษีได้นั้น ผู้ซื้อต้องตรวจสอบคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ของนโยบายรถคันแรกให้แน่ชัดเสียก่อน เราจึงได้นำหลักเกณฑ์การคืนภาษีรถคันแรก มาย้ำเตือนกันอีกครั้ง ดังนี้...

           1. ต้องเป็นรถยนต์คันแรกของผู้ซื้อ

           2. ต้องทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2554-31 ธันวาคม พ.ศ.2555

           3. เป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคัน

           4. เป็นรถยนต์นั่ง ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร/รถกระบะ (Pick up)/รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab)

           5.เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)

           6. คืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคัน

           7. ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

           8. ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี หากผู้ซื้อรถไม่สามารถผ่อนต่อได้ หรือมีเหตุอย่างอื่น จะต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับให้กรมสรรพสามิต หากไม่ดำเนินการ ทางกรมสรรพสามิตจะใช้วิธีการทางศาล เพื่อให้สั่งให้คืนทะเบียนรถยนต์

           9. การคืนเงินจะคืนเมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปีไปแล้ว โดยจะเริ่มจ่ายคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป ซึ่งกรมสรรพสามิตจะจ่ายผ่านทางเช็คเงินสดครั้งเดียวเต็มจำนวน

           10. สามารถซื้อรถแบบเงินผ่อนผ่านไฟแนนซ์ หรือเงินสดก็ได้

           11. รถมือสองไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ เนื่องจากรถมือสองไม่มีภาษีสรรพสามิตในการซื้อ-ขาย 

เปิดหลักเกณฑ์ รถคันแรก คืนภาษีให้ประชาชน

          หากผู้ซื้อมีคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ดังข้างต้นแล้ว ก็เตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอใช้สิทธิ์ซื้อ "รถคันแรก" ได้เลย ซึ่งประกอบไปด้วย...

           1. สำเนาบัตรประชาชน

           2. สำเนาทะเบียนบ้าน

           3. สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)

           4. สำเนาคู่มือการจดทะเบียน

           5. หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนรถยนต์คันแรกภายใน 5 ปี

           6. หลักฐานการซื้อขายรถยนต์ (ใบจอง/สัญญาซื้อขาย)

          ทั้งนี้ กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ จะส่งหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อขอตรวจสอบการครอบครองรถยนต์คันแรก และแจ้งการสละสิทธิการโอนภายใน 5 ปีของผู้ซื้อ ก่อนที่กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบและบันทึก "ห้ามโอนภายใน 5 ปี" ลงในคอมพิวเตอร์และในสมุดคู่มือการจดทะเบียน

          จากนั้น กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดจะส่งหนังสือรับรองให้กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐาน และจะสั่งจ่ายเช็คเงินสดคืนให้แก่ผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป

เปิดหลักเกณฑ์ รถคันแรก คืนภาษีให้ประชาชน

          นอกจากนี้ จากการตรวจสอบจากราคารถยนต์ และอัตราภาษีของรถยนต์ประเภทต่าง ๆ ในท้องตลาด เพื่อคิดเป็นสัดส่วนเงินภาษีที่จะได้รับคืน จะพบว่า...

           รถอีโคคาร์ ราคาประมาณคันละ 3.75-5.4 แสนบาท เก็บภาษี 17% ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนเฉลี่ย 45,000 บาท

           รถยนต์นั่งขนาดเล็ก (ไม่เกิน 1,500 ซีซี) ราคาประมาณคันละ 5-7 แสนบาท เก็บภาษี 25% ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

           รถกระบะ 2 ประตู ราคาประมาณคันละ 3-5 แสนบาท เก็บภาษี 3% ผู้ซื้อจะได้รับเงินเฉลี่ย 10,000 บาท

           รถกระบะ 4 ประตู ราคาประมาณคันละ 7-8 แสนบาท เก็บภาษี 12% ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนเฉลี่ย 60,000 บาท

          ...เป็นนโยบายที่น่าสนใจไม่น้อยเลยจริงไหมคะ เพื่อน ๆ ก็อย่าลืมไปตามหารถในฝันมาจับจองเป็นเจ้าของกันได้นะจ๊ะ